th

การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ประกอบกับแนวโน้มการส่งออกที่เติบโตดีขึ้นและมาตรการภาครัฐ ถือว่าเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ซึ่งศูนย์วิจัยกรุงศรีคาดว่าการส่งออกของไทยในปี 64 จะขยายตัว 9% ดังนั้นจึงช่วยหนุนกลุ่มโลจิสติกส์ให้มีความคึกคักมากขึ้น

ทั้งนี้ ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้จะส่งผลกระทบให้การทำงานยากขึ้น การปรับตัวลูกค้าบางรายมีมาตรการเรื่องความปลอดภัยในแต่ละพื้นที่จะเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ยากต่อการปฏิบัติการ ขณะเดียวกันก็ส่งผลดีในทางอ้อม เพราะเมื่อสถานการณ์ไม่ปกติจะเห็นภาพชัดเจนว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ สำหรับ SONIC มีจุดแข็งในเรื่องความพร้อมการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลากร รวมถึงเครื่องมือที่มีอยู่ในมือ ทำให้ฐานลูกค้ามีเยอะมากขึ้น ลูกค้ามีความต้องการที่จะใช้บริการในช่วงสถานการณ์โควิด-19

“หลังจากที่หลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐอเมริกา รวมทั้งยุโรป ได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลง ทำให้กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน ดังในปี 64 การดำเนินธุรกิจของบริษัทเติบโตตามภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และภาคการส่งออก ซึ่งบริษัทก็พร้อมให้บริการขนส่งแบบครบวงจรทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางทะเล 65% ทางบก 30% และทางอากาศ 5% ซึ่งปีนี้บริษัทจะพยายามเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางอากาศให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางการขนส่งที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง” ดร.สันติสุข กล่าว

ดร.สันติสุข กล่าวว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ถือว่ามีตลาดขนาดใหญ่ มีผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ แต่ละผู้ประกอบการก็จะมีจุดลักษณะที่เป็นพิเศษของตัวเอง ในส่วนของ SONIC มีความได้เปรียบทั้งด้านความพร้อมและประสบการณ์ เมื่อพูดถึงลูกค้ามีตั้งแต่บริษัทข้ามชาติไปจนถึงธุรกิจขนานกลางและขนาดย่อย (SME) เราให้บริการได้หมด บริการที่ได้เสนอให้ลูกค้าถือว่ามีมาตรฐานระดับโลก แต่ราคาแบบคนไทย ซึ่งเรามีความเข้าใจในพื้นฐานของลูกค้าบ้านเราที่ยังเป็นสไตล์แบบไทยๆ อยู่ ดังนั้นจึงมีความพร้อมให้บริการกับลูกค้าทุกประเภท

ดร.สันติสุข กล่าวว่า นวัตกรรมการดำเนินธุรกิจของ SONIC นั้นได้พัฒนาการให้บริการและการดำเนินธุรกิจที่จะสามารถต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจหลัก โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญกับการรุกธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถหัวลากให้กับพันธมิตร ซึ่งการดำเนินธุรกิจดังกล่าวมีความแตกต่างจากผู้ประกอบการเช่าซื้อรายอื่น ภายใต้โมเดล “โลจิสซิ่ง” (โลจิสติกส์+ลิสซิ่ง) ซึ่งโมเดลดังกล่าวนอกจากจะทำให้บริษัทมีรายได้จากอัตราดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่อแล้ว ยังจะช่วยต่อยอดการดำเนินงานหลักของกลุ่ม SONIC ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพราะลูกค้าที่มาขอสินเชื่อรถหัวลากก็จะถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งบริษัทจะมีงานขนส่งสินค้ารองรับให้กับลูกค้าที่มาขอสินเชื่อควบคู่ไปด้วย

“การปล่อยสินเชื่อรถหัวลากให้กับกลุ่มพันธมิตร “โลจิสซิ่ง” ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิม 40 คัน ภายในไตรมาส 2/2564 การปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ หรือเรียกว่าโลจิสซิ่ง ปีนี้บริษัทเตรียมวงเงินประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนปีหน้าอยู่ที่ 300 ล้าน และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อ มองว่าตลาดนี้ยังใหญ่พอสมควร”

ย้ายฐานรองรับอีอีซี
ดร.สันติสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดพื้นที่ให้บริการรับฝากตู้คอนเทนเนอร์ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเปิดพื้นที่รองรับการให้บริการรับฝากตู้คอนเทนเนอร์บริเวณแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อขยายฐานลูกค้าในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี และรองรับอัตราการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งคาดจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้

สำหรับพื้นที่การรับฝากตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองแลนด์ บริเวณแหลมฉบัง บนพื้นที่กว่า 21 ไร่ ในเบื้องต้นบริษัทจะพัฒนาเปิดใช้พื้นที่จำนวน 12 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะเตรียมพัฒนารองรับการขยายตัวของลูกค้าในอนาคต โดยเฉพาะลูกค้าในเขตพื้นที่อีอีซีที่คาดว่าจะมีการขยายตัวสูง ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์ในอีอีซีเติบโตสูงไปด้วย
    

ทั้งนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในอีอีซี จะช่วยส่งเสริมธุรกิจโลจิสติกส์ในอีอีซีให้ขยายตัวมาก โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เพราะธุรกิจหลักของบริษัทเป็นการให้บริการขนส่งทางเรือ ซึ่งอีอีซีเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท แต่เมื่อมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การลงทุนชะลอตัวอุตสาหกรรมอาจจะโตไม่ทันท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีราคาแพง แต่มีปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้นน้อย ขณะเดียวกันบริษัทก็เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
    

“ในปี 2564 โซนิคตั้งเป้ายอดขายและผลกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% เพราะโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทั่วโลกทยอยฉีดวัคซีน ทำให้การค้าระหว่างประเทศฟื้นตัว รวมทั้งบริษัทขยายจำนวนรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ ทำให้รายได้จากการขนส่งทางบกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอีอีซี ที่มีโอกาสขยายตลาดได้มาก ส่วนปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนการขยายธุรกิจในปีนี้จะร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ในฮ่องกงและสิงคโปร์ที่ได้หยุดชะงักไปในช่วงโควิด หากประสบความสำเร็จจะขยายธุรกิจได้มากขึ้น” ดร.สันติสุขกล่าว.

 

ข่าวจาก : https://www.thaipost.net/main/detail/107915

 

Related Posts

Leave a Reply